น่าเสียดาย Pep Guardiola ย้ำลูกทีมแมนซิตี้ต้องเอาชนะเจ็ดเกมที่เหลือเท่านั้นเพื่อคว้าแชมป์

(Credit: 90Min)

กลายเป็นคนที่เสียใจไปเลยสำหรับ Pep Guardiola หลังจากที่ลูกทีมแมนซิตี้มีโอกาสที่จะเอาชนะลิเวอร์พูลในเกมที่เจอกัน

ในถิ่นเอทิฮัด ซึ่งกลายเป็นทางเรือใบสีฟ้าที่สามารถขึ้นนำได้ถึงสองครั้งจากประตูของ Kevin de Bryune กับ Gabriel Jesus

แต่ยังมาโดนทีเด็ดของ Diogo Jota และ Sadio Mane ที่ยิงตามตีเสมอได้ ก่อนจะจบเกมที่เจ้าบ้านครองบอลบุกได้มากกว่า

รวมถึงสรา้งโอกาสได้หลายครั้ง แต่ยังมาโดนเสาและ VAR ปฏิเสธลูกยิงปิดบัญชีไปจนหมด

โดยปัจจุบันทางทีมเรือใบก็ยังครองจ่าฝูงได้อยู่พร้อมกับนำเพียงหนึ่งคะแนนเท่านั้น

(Credit: 90Min)

กุนซือที่ผิดหวังกับผลการแข่งขัน

แน่นอนว่า Pep Guardiola คงไม่พอใจที่แมนซิตี้ทำได้แค่เสมอในเกมที่สามารถสร้างโอกาสได้มากกว่า

ซึ่งอาจทำให้พวกเขาต้องเร่งทำผลงานให้ดีกว่าเดิมเสียอีก “โชคร้ายที่เราไม่สามารถเอาชนะได้ ผมมีความรู้สึกว่า

เราปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอดจากที่นี่ไป แต่ลิเวอร์พูลก็เล่นได้สนุกจริง ๆ ผู้เล่นเกมรุกที่พวกเขามี

การสร้างความลำบากให้กับเรา ผมไม่มีข้อสงสัยอะไรเลยละ ผมรู้สึกภูมิใจกับทีมของผมมาก ตอนนั้นทั้งสองทีมต่าง

ก็มีแค่ 7 เกมเท่านั้น คุณจะต้องเอาชนะทุกเกมหรือไม่อย่างนั้นมันก็จบ อะไรจะเกิดขึ้นมันก็ไม่เกี่ยวหรอก ต่อให้ชนะ แพ้หรือเสมอ

ก็ไม่ใช่จุดจบ ผมจะพูดแบบนี้ละไม่ว่าชนะหรือแพ้ แน่นอนมันเป็นเกมใหญ่ แต่เราก็รู้ดีว่าต้องทำอะไรต่อไป”

p1

(Credit: 90Min)

De Bryune ที่สร้างผลงานได้ดีเสมอ

นักเตะที่ Pep Guardiola ชื่นชมและกลายเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมก็คือ Kevin De Bryune

ซึ่งเป็นคนที่ยิงประตูแรกในเกมนี้อีกด้วย “เขายิงประตูได้เยอะและสร้างโอกาสได้ดี เขารู้ตำแหน่งที่ตัวเองรับหน้าที่ว่ามันยาก

ในการเจอกับลิเวอร์พูล เพราะพวกเขาไม่เปิดช่องให้เล่นมากนัก ส่วนวิสัยทัศน์การจ่ายบอลของเขาก็น่าทึ่งด้วย

มันเป็นเรื่องจริงที่เขาฟอร์มตกช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล ทั้งอาการบาดเจ็บจากรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิง

และในฟุตบอลยูโร แต่เราก็ยกระดับตัวเองมาถึงตรงนี้ อย่างในปีที่เราทำได้ 100 แต้มนั้น เขาก็ไร้เทียมทานสุด ๆ”

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม Pep Guardiola คงจะต้องสกัดความผิดหวังนี้ออกไปให้หมด หลังจากที่แมนซิตี้เสมอกับลิเวอร์พูล

ในเกมสุดคลาสสิค ซึ่งเจ็ดเกมสุดท้ายของทั้งสองฝ่ายก็น่าจะเหมือนเกมนัดชิงที่ใครเก๋ากว่าก็น่าจะครองแชมป์พรีเมียร์ลีก

ไปครอง โดยมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในสามฤดูกาลก่อน จนกระทั่งเป็นฝ่ายของเรือใบสีฟ้าที่ได้ชูถ้วยแชมป์

จากลีกที่ขับเคี่ยวกันสนุกที่สุดรอบหนึ่งในประวัติศาสตร์