มวยชัด ๆ Jurgen Klopp เทียบเกมระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ซิตี้เหมือนขึ้นสังเวียน

(Credit: 90Min)

ถือว่ายังไม่จบจากเกมก็ว่าได้ เมื่อ Jurgen Klopp ออกมาพูดถึงเกมที่ลิเวอร์พูลเจอกับแมนเชสเตอร์ซิตี้

ในสนามเอทิฮัดสเตเดี้ยม โดยทางกุนซือชาวเยอรมันมองว่า การแข่งขันของทั้งสองไม่ต่างกับการต่อยมวยเลยทีเดียว

หลังจากที่สองฝ่ายต่างมีคะแนนห่างกันเพียงหนึ่งคะแนนและต้องการจะทิ้งห่างจากคู่แข่งออกไปในเกมที่เหลืออีกไม่มากแล้ว

จนกระทั่งหลายคนจับตามองเกมนี้ว่า เป็นจุดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำปีนี้เลยทีเดียว ทว่าผลเสมอของเกม

และจังหวะที่เกิดขึ้นบนสนามก็ทำให้แฟนบอลต้องยอมรับเรื่องความบ้าคลั่งของผลงานทั้งสองทีมนี้จริง ๆ

(Credit: 90Min)

ต่อให้ Jurgen Klopp จะพยายามเต็มที่เพื่อพาลิเวอร์พูลบุกมาคว้าสามคะแนนเพื่อเป็นจ่าฝูง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับว่า

นี่คือเกมที่บ้าคลั่งมาก ๆ โดยเฉพาะความบันเทิงที่นักเตะแข่งขันกันในสนาม “นี่มันเกมอะไรกัน บ้าคลั่งสุด ๆ

ผมคิดว่าเราจะน่าอธิบายว่ามันเป็นการต่อยมวย หากการ์ดของคุณตกเมื่อไหร่ก็โดนต่อยเข้าอย่างจังทันที

คุณจะเซเล็กน้อย แล้วหมัดต่อมาก็พุ่งจากฝ่ายตรงข้ามเข้ามา ผมคิดว่าเรามีโอกาสมากกว่าที่เคย

ตอนที่เราครองบอลและได้ยึดพื้นที่จนดูอันตรายมาก ก่อนที่เราจะทำประตูได้ในตอนนั้น”

(Credit: 90Min)

แม้จะมีช่วงที่ลูกทีมของ Jurgen Klopp สามารถครองบอลได้บ้าง แต่สุดท้ายโอกาสก็เป็นของแมนเชสเตอร์ซิตี้มากกว่า

โดยเฉพาะประตูที่สองของเรือใบที่ทางกุนซือมองว่า อาจจะล้ำหน้าของ Gabriel Jesus ที่สุดท้ายกรรมการจะตัดสิน

ให้เจ้าบ้านได้ประตู ส่วนทีมเยือนก็มีโอกาสแพ้ทันทีหาก VAR ไม่ปฏิเสธลูกยิงของ Raheem Sterling เช่นกัน

“ซิตี้พยายามใช้แผนบางอย่าง เช่นการส่งบอลจากแดนหลัง ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ ในจังหวะที่เราจะได้พักหายใจบ้าง

ตู้ม พวกเขาก็บุกเข้ามาอีกแล้ว ผมคิดว่าพวกเขาโชคดีนะกับประตูนั้น ผมได้ยินมาว่ามันล้ำหน้านะ

ถึงมันจะเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมและผลการแข่งขันที่เราจะต้องยอมรับเหมือนกัน”

หน้าที่ต่อไปของ Jurgen Klopp คือการพาลิเวอร์พูลเก็บคะแนนให้ได้มากที่สุดจาก 7 เกมที่เหลือ

ซึ่งพวกเขายังต้อลุ้นให้แมนเชสเตอร์ซิตี้สะดุดอีกด้วย แม้ว่าเมื่อสามปีก่อนจะเป็นทางเรือใบสีฟ้าที่ไม่แพ้เลยนับสิบเกม

จนทำให้พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ขณะที่หงส์แดงต้องรออีกปีเพื่อจัดการคว้าแชมป์ลีกแบบสวยงาม

ถึงอยู่ในยุคโรคระบาดที่ไม่มีแฟนบอลมาร่วมฉลองก็ตาม