“กระทิงดุ” สเปน ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ยูโร 2020 ในฐานะแชมป์กลุ่ม เอฟ ด้วยผลงานชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 0 เก็บได้ 26 คะแนน จาก 10 เกม พร้อมยิงไป 31 ประตู และเสียแค่ 5 ลูก ถือเป็นผลงานที่ไม่ธรรมดาของกุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ เมื่อพิจารณาจากขุมกำลังส่วนใหญ่ที่เป็นสายเลือดใหม่
แถมการจับสลากแบ่งกลุ่มยูโร 2020 ยังเหมือนจะเข้าทางอดีตแชมป์ 3 สมัย อย่าง สเปน เต็มเปา เมื่ออยู่ร่วมสายกับ สวีเดน, โปแลนด์ และ สโลวะเกีย ซึ่งถือว่าไม่แกร่งนัก อีกทั้ง สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ยังเลือก เอสตาดิโอ ลา การ์ตูฆา ในเมืองเซบีญ่า เป็นสังเวียนแข้งของกลุ่ม อี ร่วมกับ เครตอฟสกี้ สเตเดี้ยม ของ เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ด้วย
นั่นหมายความว่า สเปน จะได้รับโอกาสเสมือนเล่นในบ้านทั้ง 3 เกม ของรอบแบ่งกลุ่ม อันเป็นนิมิตหมายที่ดีในการทวงศรัทธากลับคืนจากสาวก “ลา โรฆา” อีกครั้ง หลัง 2 ทัวร์นาเมนต์หลังสุด อย่าง ยูโร 2016 กับ ฟุตบอลโลก 2018 รูดม่านปิดฉากลงเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น