ไร้เกียรติ Claudio Ranieri สับนักเตะอาร์เซน่อลเละ หลังพ่าย 1-0

ra1

(Credit: 90Min)

กลายเป็นคนที่ผิดหวังจากเกมนี้ไปทันที สำหรับ Claudio Ranieri ผู้จัดการทีมวัตฟอร์ดที่ออกมาสับอาร์เซน่อล

ผู้ชนะในค่ำคืนก่อนหน้านี้ หลังจากที่ทางแตนอาละวาดจะบุกไปเยือนเอมิเรตสเตเดี้ยมและกลับบ้านไปมือเปล่า

ด้วยสกอร์ 1-0 โดยทางกุนซือชาวอิตาลีได้มองว่า คู่แข่งไม่ได้ให้เกียรติทีมของเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะจังหวะ

ที่ Emile Smith Rowe ยิงประตูได้ กลับเป็นช่วงที่นักเตะทีมเยือนได้ยอมเตะบอลทิ้งออกไปจากสนามเพื่อให้

Ozan Tufan เพื่อนร่วมทีมได้รับการดูแลจากทีมแพทย์ ทว่าจังหวะต่อเนื่องถัดมากลับทำให้พวกเขาเสียประตูไปในที่สุด

ra2

(Credit: 90Min)

เรื่องน่าผิดหวังจากประตูที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่ Claudio Ranieri พูดไว้ก็คือ ทางวัตฟอร์ดเองก็คิดว่า นักเตะของอาร์เซน่อลจะจ่ายบอลคืนมาให้กับเขา

ทว่าเหล่าผู้เล่นปืนใหญ่ได้เดินหน้าเล่นเกมต่อทันทีและมันก็จบลงด้วยประตูชัยของพวกเขาในที่สุด

ซึ่งในช่วงหลังเกมจบลง ทางกุนซือรายนี้ก็ออกมาพูดเปิดใจอย่างตรงไปตรงมาไว้ว่า

“เราเตะบอลทิ้งไปและทุกคนก็หวังว่าอีกฝ่ายจะให้บอลเรากลับมา ทั้ง Sissoko และ Rose ก็พูดว่า

‘ส่งบอลมาให้เราสิ เราเตะบอลทิ้ง เพราะมีคนเจ็บไง’ แล้วหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องแปลก ๆ ในสนามเข้าจนได้ ”

ra3

(Credit: 90Min)

Arteta ที่พร้อมรับหน้าแทนลูกน้อง

หลังจากไม่ได้บอลคืนนี่เอง ทาง Claudio Ranieri ได้มองว่า นักเตะของอาร์เซน่อลไม่ได้ให้เกียรติพวกเขากันเลย

“มันเป็นการปะทะกันแน่นอน Kiko Femenia โหม่งถึงบอลก่อน แต่เป็น Sarr ที่เอาบอลไป

และมันเป็นจังหวะฟาวล์แน่นอน แต่พอมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายก็เป็นประตู แล้วมันก็เป็นเรื่องที่แปลกจริง ๆ

ส่วนความสัมพันธ์ของผมกับ Arteta ยังดีอยู่ ผมก็บอกเขาไปกับเรื่องไม่ให้เกียรตินี้เช่นกัน” 

ด้าน Mikel Arteta ก็ออกมายอมรับตรง ๆ และขอโทษแทนลูกน้องไปแล้ว ซึ่งเขาเชื่อว่า

มันเป็นสิ่งที่นักเตะไม่ได้ตั้งใจและถ้ากุนซือรุ่นพี่รู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้ เขาก็ต้องขออภัยแทนทุกคนด้วย

โชคร้ายของ Claudio Ranieri ที่เขายังไม่มีโอกาสพาทีมวัตฟอร์ดพัฒนาฟอร์มได้เห็นอย่างชัดเจนเท่าไหร่นัก

รวมถึงโปรแกรมที่เล่นเจอกับของหนักอย่างอาร์เซน่อลก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาจะต้องยอมรับไปเช่นกัน

โดยปัจจุบันพวกเขายังมีคะแนนห่างจากโซนตกชั้นสองแต้มและยังเหลือเกมให้เล่นอีก 27 แมตช์

ให้แตนอาละวาดตัวรอดจากการดิ้นรนอยู่นั่นเอง