Artem Dovbyk พระเอกของทีมชาติยูเครนกับลูกโหม่งในนาทีสุดท้าย

ukr1

(Credit: The Guardian)

ประตูของ Artem Dovbyk ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเกมที่ทีมชาติ ยูเครน เจอกับทีมชาติสวีเดนในเกมนัดสุดท้าย

ของรอบ 16 ทีมสุดท้าย จากรายการฟุตบอลยูโร 2020 ก็ว่าได้

หลังจากที่กองหน้ารายนี้สามารถยิงประตูได้ในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที

ซึ่งถือเป็นเกมที่สูสีอย่างมากจากการที่ทั้งสองทีมเสมอกันภายในเวลาด้วยสกอร์ 1-1

และลากยาวมาจนถึงการต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่จะมีใบแดงของ Marcus Danielson

และประตูสุดท้ายของเกมที่ส่งผลให้ลูกทีมของ Andriy Shevchenko เข้ารอบไปเจอกับทีมชาติอังกฤษในรอบต่อไปนั่นเอง

ukr2

(Credit: Trustinews)

ประตูชัยของยูเครนในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ชัยชนะของทีมชาติยูเครนก็มาจากประตูของ Artem Dovbyk ที่ได้บอลมาจาก Oleksandr Zinchenko

ก่อนที่จะบรรจงโหม่งบอลเข้าประตูไปได้สำเร็จ

ซึ่งนับว่าเป็นประตูที่ช้าที่สุดของประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งก็ว่าได้

หลังจากที่กองหน้ารายนี้ใส่สกอร์ได้ในนาทีที่ 120 กับอีก 37 วินาที

และมีเพียงประตูของ Semih Senturk จากทีมชาติตุรกีในปี 2008 เท่านั้นที่เป็นลูกที่ช้ากว่าพวกเขา อย่างไรก็ตาม

ถ้านับในส่วนของประตูชัยก็มีเพียงลูกโหม่งของ Dovbyk เท่านั้นที่เป็นลูกยิงที่ช้าที่สุดของการแข่งขันฟุตบอลยูโร

โดยประตูชัยที่มาในช่วงท้ายเกมที่สุดก่อนหน้านี้ก็เป็นสกอร์ของตำนานอย่าง Michel Platini ในปี 1984

ที่เจอกับทีมชาติโปรตุเกส

ukr3

(Credit: Goal)

ยูเครนกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย

เมื่อทีมชาติยูเครนของ Andriy Shevchenko สามารถเอาชนะทีมชาติสวีเดนไปได้

จนคว้าตั๋วใบสุดท้ายของรอบ 8 ทีมได้แล้วนั้น

พวกเขาก็เตรียมต้องเข้าไปเจอกับทีมชาติอังกฤษที่กำลังอยู่ในช่วงผลงานโดดเด่น

อีกทั้งไม่เคยเสียประตูเลยสักนัดจากการลงเล่นทั้งสี่เกม

จนถึงการเอาชนะทีมชาติเยอรมันที่แข็งแกร่งไปได้อย่างสวยหรูด้วยสกอร์ 2-0

จากผลงานของ Harry Kane กับ Raheem Sterling นั่นเอง

ส่วนผู้ชนะในเกมนี้จะเข้ารอบรองชนะเลิศไปรอเจอกับผู้ชนะในเกมที่ทีมชาติเดนมาร์กเจอกับสาธารณรัฐเช็ก

ซึ่งก็เป็นอีกสองม้ามืดที่หลายคนไม่คิดว่าจะเข้ามาสู่รอบลึกได้เช่นกัน

ทีมชาติยูเครนชุดนี้ถือว่า ทำผลงานได้ผิดคาดอย่างมาก

หลังจากที่พวกเขาสามารถเข้ารอบแบ่งกลุ่มมาได้ในฐานะทีมอันดับสามที่มีคะแนนเพียง 3 คะแนนเท่านั้น

ส่วนเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างทีมชาติเนเธอร์แลนด์กับออสเตรียต่างพากันตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปแล้ว

จนทำให้เหลือเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ยังมีเส้นทางในฟุตบอลยูโร 2020

อยู่แบบไม่มีใครคาดคิดไว้ก่อนเลยนั่นเอง