Harry Mcguire กับการชื่นชมต่อ Luke Shaw เพื่อนร่วมชาติที่ฟอร์มสม่ำเสมอ

mcg1

(Credit: Belfast Telegraph)

Harry Mcguire ได้ออกมาชมเพื่อนร่วมทีมอย่าง Luke Shaw อีกครั้ง หลังจากที่แบ็คซ้ายทีมชาติอังกฤษ

กลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมไปแล้ว รวมถึงเจ้าตัวยังทำผลงานได้ดีมาตลอดทั้งในการเล่นระดับสโมสร

ที่พาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศของรายการยูฟ่ายูโรป้าลีก

ตามมาด้วยการพาสิงโตคำรามฟอร์มดุไม่เสียประตูตลอดการเล่นห้านัดแรกของรายการฟุตบอลยูโร 2020

จนทำให้กองหลังตัวกลางของทีมจะต้องออกมาชื่นชมคู่หูในแดนรับ

เช่นเดียวกับผู้จัดการทีมชาติของเขาอย่าง Gareth Southgate อีกด้วย

mcg2

(Credit: Ruetir)

Mcguire ที่ได้เล่นคู่กับแบ็คซ้ายระดับโลก

สิ่งที่ Harry Mcguire มองต่อ Luke Shaw เสมอก็คือ แบ็คซ้ายรายนี้มักจะแสดงความสามารถของเขา

ในสนามมาโดยตลอด รวมถึงเขายังมีจุดเด่นทุกอย่างที่คู่ควรจะเป็นแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง

ซึ่งกองหลังตัวกลางจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมองเห็นถึงความแตกต่างระหว่าง Shaw กับผู้เล่นคนอื่นก็คือ

เรื่องของสภาพจิตใจที่เขาพยายามจะพัฒนาตัวเองไปตลอด

 

 

และการพยายามทุ่มเทกับผลงานตัวเองไม่ให้อยู่ในระดับแค่พอใช้เท่านั้น

จนกระทั่งเจ้าตัวกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในสนามอยู่เป็นประจำจากความสามารถและทัศนคติทุกอย่างที่เขาใช้ในสนาม

ซึ่งทาง Mcguire ก็ไม่ได้แปลกใจกับมาตรฐานของเพื่อนร่วมทีมเลย

mcg3

(Credit: HampshireLive)

Mcguire กับทีมชาติอังกฤษ

นอกจากการที่ Harry Mcguire จะอุ่นใจที่ได้เล่นในทีมชาติอังกฤษร่วมกับ Luke Shaw แล้ว

ทางปราการหลังจอมแกร่งก็ยังออกมาพูดถึงอนาคตของผู้จัดการทีมอย่าง Gareth Southgate อีกด้วย

โดยเจ้าตัวกำลังจะได้ต่อสัญญากับทีมต่อไปจนถึงปี 2024 หลังจากที่ทำผลงานได้ดีมาตั้งแต่การพาทีมแข่งขัน

ในฟุตบอลโลกไปจนถึงฟุตบอลยูโร 2020 ในปัจจุบัน

 

ซึ่งทาง Mcguire ก็มองว่า ทุกคนน่าจะมีความสุขกับการเดินทางของพวกเขาในรายการต่าง ๆ

โดยเฉพาะการเอาชนะคู่แข่งได้มากมายมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้สร้างความเชื่อมั่นต่อทีมอย่างมาก

รวมถึง Southgate ก็เป็นผู้จัดการทีมอีกคนที่ไว้ใจในตัวเขาอย่างมากนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อหลายปีก่อน

จนกระทั่ง Mcguire เองก็เป็นกองหลังที่แฟนบอลคุ้นหน้าในเกมทีมชาติไปแล้ว

Harry Mcguire รวมถึง Luke Shaw และ Gareth Southgate กำลังจะมีโอกาสพาทีมไปอยู่ในจุดสูงสุดอีกครั้ง

เมื่อพวกเขาจะพาทีมชาติอังกฤษลงแข่งในรอบสี่ทีมสุดท้าย ซึ่งพวกเขาไม่เคยเข้ารอบชิงชนะเลิศของรายการใด ๆ

มานานนับ 50 ปี โดยครั้งสุดท้ายก็คือการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเขานั่นเอง