William Saliba กองหลังอาร์เซน่อลที่ปล่อยยืมให้มาร์กเซย

(Credit: Football London)

ยังคงต้องไปหาประสบการณ์ต่อไปสำหรับ William Saliba กองหลังชาวฝรั่งเศสที่ได้เดินทางกลับบ้านเกิด

เพื่อเตรียมไปตรวจร่างกายและเซ็นสัญญายืมตัวกับโอลิมปิกมาร์กเซย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางสโมสรอาร์เซน่อล

ก็เคยปล่อยนักเตะของพวกเขาไปให้กับทีมนีซจากลีกเอิงยืมตัวมาแล้วในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา

ก่อนที่เขาจะกลับมาสู่ถิ่นเอมิเรตสเตเดี้ยอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่า Mikel Arteta ยังไม่มีแผนใช้งานเจ้าตัวในฤดูกาลนี้

จนทางทีมเก่าแก่อย่างมาร์กเซยจะรับหน้าที่ปลุกปั้นกองหลังแห่งอนาคตต่อไปในฤดูกาลที่จะถึงนี้

ในถิ่นสตาเดอเวโรโดรมนั่นเอง

(Credit: The Athletic)

น่าจะชัดเจนแล้วว่า William Saliba จะยังคงได้ลงเล่นในลีกเอิงฝรั่งเศสต่อไป หลังจากที่ครึ่งฤดูกาลก่อนเขา

จะถูกส่งให้ทางนีซยืมตัว ก่อนที่กองหลังวัย 20 ปีจะได้ลงเล่นไปทั้งสิ้น 20 นัดด้วยกันและพาทีมชั่วคราวของเขาจบ

อันดับที่ 9 ในตาราง จนกระทั่งในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ทางโอลิมปิกมาร์กเซยจะมองเห็นแววของดาวรุ่งคนนี้

พร้อมกับตัดสินใจเจรจากับต้นสังกัดเพื่อยืมตัว Saliba มาสู่ทีม โดยปัจจุบันเจ้าตัวได้เดินทางมาที่ประเทศฝรั่งเศส

อีกครั้งและเตรียมเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อย้ายมาร่วมทัพกับนักเตะของทีมอีกคน

อย่าง Matteo Guendouzi ที่ถูกส่งมาเช่นกัน รวมถึงทางอดีตแชมป์ลีกเอิงยังต้องการเงื่อนไขซื้อตัวอีกด้วย

(Credit: Daily Cannon)

สาเหตุหลักที่สัญญายืมตัวของ William Saliba ไม่ได้มีเงื่อนไขซื้อขาดคงเป็นเพราะว่า อาร์เซน่อลยังคงต้องการ

ใช้งานดาวรุ่งคนนี้ในอนาคตอย่างแน่นอน โดยการย้ายมาสู่ถิ่นเอมิเรตสเตเดี้ยมของเขาก็มีมูลค่าสูงถึง

27 ล้านปอนด์ด้วยกัน ซึ่งถือว่าแพงมากสำหรับนักเตะดาวรุ่งวัย 18 ปีในเวลานั้น แต่ทว่าเจ้าตัวก็ไม่เคยได้ลงสนาม

ให้กับทีมปืนใหญ่เลยสักครั้งเดียว แม้จะอยู่กับทีมมาถึงสองปีแล้วก็ตาม

ก่อนที่ทางสโมสรจะแถลงว่า กองหลังรายนี้ยังมีอนาคตกับทีมอยู่แน่นอนเมื่อฤดูกาลหน้าจบลง

ส่วนในการแข่งขันประจำปีนี้ พวกเขาอาจไปล่าตัว Ben White จากไบรท์ตันมาแทนนั่นเอง

เชื่อว่า การไปเล่นในฝรั่งเศสของ William Saliba น่าจะทำให้เขามีประสบการณ์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยครั้งหนึ่งเขาถือว่า

เป็นกองหลังดาวรุ่งของแซงค์เอเตียนที่ลงสนามมาตั้งแต่ปี 2018 ในทีมชุดใหญ่ ก่อนที่อาร์เซน่อลจะให้ความสนใจ

นักเตะรายนี้พร้อมกับทุ่มซื้อมาด้วยค่าตัวเกือบ 30 ล้านปอนด์ ทั้งที่ยังไม่คิดใช้งานเลยทีเดียว